ธรรมะดีๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2563 สรุปคำสอนหลวงพ่อลี
ถ่ายทอดโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา บวรกิติวงศ์
.
ช่วงแรกของการปฏิบัติธรรม ผู้เขียนรู้สึกว่าธรรมะมีสิ่งต้องศึกษาจำนวนมาก ต้องใช้เวลานานนับหลายปีกว่าจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง บางครั้งเพียงประโยคเดียว ฟังครั้งแรกก็รู้สึกว่าเข้าใจ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ ความเข้าใจก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพียงประโยคเดียวกว่าจะเข้าใจจริงจังใช้เวลานานถึง 5 ปี การศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงเสมือนการเดินทาง หากยังไม่ตั้งต้นแต่วันนี้ เมื่อความตายมาถึงท่านจะรู้ว่าท่านพลาดเสียแล้วที่เลือกเส้นทางเดินแบบไม่ได้ลงทุนอะไรให้ชีวิตหน้าเท่าที่ควร ขออนุญาตสรุปคำสอนของหลวงพ่อลีเป็นข้อ ๆ ดังนี้
.
1. ก่อนเชื่ออะไรให้โยนิโสมนสิการ การหมั่นโยนิโสจึงจะเกิดปัญญา ทำอะไรให้ทำพร้อมกันทั้งสามอย่างคือกายวาจาใจอยู่ด้วยกัน อารมณ์ก็เช่นกันอย่าเอาอารมณ์ในอดีตมาอยู่ในปัจจุบัน บางทีเอาอารมณ์ในอนาคตมาอยู่ปัจจุบันไม่ถูกต้อง คิดเฉพาะปัจจุบัน ไม่เอาอดีต อนาคตมาเกี่ยวด้วย จิตต้องตั้งมั่นจึงสามารถแยกแยะได้ทัน ลมอยู่กับจิต จิตอยู่กับลมหรือไม่ หากจิตไม่อยู่กับลมแสดงว่าจิตไม่สงบ การกินก็ต้องพิจารณาเช่นกินอ้อยทั้งๆที่ไม่มีฟันก็จะเจ็บเหงือก ทำอะไรก็ให้รู้ตัว หมั่นรู้ตัวปรับสมดุลกายวาจาใจให้พอเหมาะกัน เช่นปากกินข้าว จิตก็อยู่กับคำข้าวจะไม่สำรักไม่ติดคอ อยู่กับจิตที่สงบจะได้พิจารณาได้ตรงความจริง การปฏิบัติคือกายวาจาใจอยู่ด้วยกันและมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ให้ค่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต อนาคต
.
2. ความเพียร ความอดทนเป็นตัวเดียวกัน มีความเพียรแสดงว่ามีความอดทนในตัวอยู่แล้ว ความเพียรสำคัญมากขนาดพระพุทธเจ้าตรัสว่า ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร เชื่อแต่ในสัญญาขาดตรึกตรองทางจิตใจทำให้ไม่แจ้งชัดทำให้การปฏิบัติลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่เห็นผลแม้จะปฏิบัตินานนับสิบปี ในร่างกายมี 3 วิญญาณประกอบด้วย 1) ปฏิสนธิวิญญาณเป็นวิญญาณนำเกิด แต่ละคนเกิดในตระกูลสูง ต่ำ ต่างกันขึ้นอยู่กับผลของการกระทำที่ผ่านมา 2) พอเติบโตขึ้นมาจะมีวิญญาณของสัตว์อื่นเช่นเชื้อโรคอยู่ในสรีระร่างกายเช่น หนอน เชื้อโรคในลำไส้ พยาธิในร่างกาย มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมาย จึงมีวิญญาณของสัตว์อื่นอยู่ในร่างกายด้วย เป็นวิญญาณที่มีตัวตน ชนิดที่ 3) คือวิญญาณที่ไม่มีตัวตนแต่อาศัยกายนี้อยู่เช่น วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ สรุปวิญญาณทั้งสามชนิดไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น เวลารู้สึกชอบไม่ชอบแสดงว่าถูกวิญญาณหลอก วิญญาณจริงจะซื่อสัตย์ เช่นวันนี้ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปวัดแต่พอเวลามาถึงกลับเปลี่ยนใจไม่ไปแสดงว่าถูกวิญญาณอื่นแทรกซึม การเสพวิญญาณไม่ดีบ่อยๆ จะเสีย ดังนั้นเมื่อมีความคิดจะทำอะไรแล้วอย่าเปลี่ยน เปลี่ยนเมื่อไรแสดงว่าเสพวิญญาณไม่ดี โดนวิญญาณหลอก จิตคือผียักษ์บางคราวด่าให้ตาย ไม่โกรธ แถมยังอารมณ์ดี บางคราวไม่น่าโกรธก็โกรธ วิญญาณดีบ้าง เลวบ้าง อย่าไปฟังมัน วิญญาณผียักษ์บ้าง วิญญาณเทวดาบ้าง วิญญาณหนอนบ้างมันสั่งให้อยากกินอะไรก็ต้องกินตามความอยาก อยากกินโน่นนี่นั่นตามวิญญาณสัตว์ในร่างกาย วิญญาณสัตว์ในร่างกายบางทีก็ตีกัน ทำให้คันระยิบระยับ ทั้งไม่มีสาเหตุเป็นโรคผิวหนังบ้าง เป็นตุ่มต่าง ๆ ร่างกายเปรียบเหมือนโลก เส้นโลหิตเป็นทางถนนให้สัตว์เดิน ทางเรือก็มี ปวดแข้งปวดขาเจ็บเส้นเจ็บเอ็น เจ็บโน่นนี่ไม่รู้จักหยุด ทำให้รักษาไม่หาย เวลามันทะเลาะกันทำให้ป่วยเป็นโรคได้ วิญญาณที่อยู่ที่ตา หู จมูก ก็สำคัญว่าตา หู จมูก เป็นของมัน ทั้งๆ ที่ วิญญาณทั้งสามชนิดมันก็เป็นของมันอย่างนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่มีเจ้าของ
.
3. หากยึดติดในสิ่งที่ตาเห็น ในเสียงที่ได้ยิน ในรสของอาหาร แสดงว่าพลาดความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า บุคคลนั้นจะทำตามความคิดปรุงแต่ง กำลังถูกจิตหลอก หรือโดนกิเลสเอาไปกิน
.
4. คนขี้ทุกข์ ขี้อยาก คือคนที่ไหลไปตามกระแสโลก หากวันใดขายได้มากดีใจ ขายได้น้อยเสียใจ เช่นปกติขายได้วันละ 1000 บาท หากวันนี้ขายได้ 500 บาท เสียใจ ทำไมต้องเสียใจ ได้ 500 ก็คือ 500 ความจริงเป็นอย่างนั้น ระวังการไหลไปตามกระแสโลก (เป็นความเคยชินที่เป็นกิเลส)
.
5. พระขรรค์เพชรคือตัวเราไม่มี แท้จริงเป็นความว่าง ให้หมั่นนึกถึงพระขรรค์เพชรบ่อย ๆ อย่าหลงเอาตัวเองไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับอะไรในโลกเพราะเราไม่มีตัวไม่มีตน เป็นความว่างคือว่างจากตัวตน ความจริงตัวเราไม่มี