x
Submitted by CUEDU_PR on 9 June 2020

ธรรมะดีๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2563 สรุปคำสอนหลวงปู่เทศ ตอนที่ 1
ถ่ายทอดโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา บวรกิติวงศ์

1. ป่านนี้ยังมองหาความสุข ยังเห็นทุกข์เป็นสุข ยังปล่อยตัวเองเพลินอยู่กับอาหารการกิน การแต่งตัว การทำงาน การดูหนังฟังเพลง ความจริงมีแต่ทุกข์ไม่มีสุขปนอยู่เลย ยังมองโลกแบบผิวเผิน ไม่เห็นแจ้งความจริงในโลก พระพุทธเจ้าสอนให้ทิ้งทุกอย่าง ทุกคนกำมือตอนเกิด (เกิดมาเพื่อจะเอา) แบมือตอนตาย (เอาอะไรไปไม่ได้) สิ่งที่หามา หามาเพื่ออะไรกัน มองให้เห็นความจริง เรามีหน้าที่สร้างปัญญาเพื่อกวาดกิเลสทิ้งให้หมดเกลี้ยง ไม่ใช่สะสมกิเลสให้มากขึ้นทุกวัน เดินตรงสู่นิพพานคือความว่าง ว่างจากตัวตน ตัวตนที่มีเป็นสิ่งชั่วคราว อย่าคิดว่ายังอยู่อีกนาน นั่นเป็นความประมาท
วันๆ มองหาจะกินอะไร จะใส่เสื้อผ้าชุดไหน จะทำอะไรให้ตนมีความสุข เหล่านี้ไม่ใช่หนทางที่พระพุทธเจ้าสอน หยุดตัณหา หยุดความอยาก จะได้หยุดทุกข์ได้ ทุกสิ่งในโลกไม่มีอะไรสำคัญเลย ละได้ ละให้หมด ไม่ใช่สะสมมากขึ้น ต้องละมัน ไม่เอาเอร็ดอร่อย อย่าให้อาหารแก่รูปแก่นาม พิจารณาความว่าง ตัวเราที่แท้คือความว่าง กิเลสจะค่อยๆจางไป คอยตัดอาหาร ไม่ให้ตัณหาเข้ามาปรุงจิต ละตัณหาอย่างเดียว ปฏิบัติคือมีหน้าที่ละตัณหาอย่างเดียว ชัยชนะได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดี ละเรื่อย ๆ ตัดกำลังตัณหาทีละเล็กละน้อย ละตัณหาได้จะพบความว่างจากตัวตน ตอนนี้ต้องสู้กับมาร จะค่อยพ้นอำนาจของมารไปเรื่อย ๆ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ไม่เป็นไร คอยหมั่นส่องดูตัณหา อย่าให้เกิด พยายามให้จิตอยู่ในตัวไม่ส่งออกนอก

2. หากไม่ปฏิบัติจิตจะท่องเที่ยวไม่หยุด ปรุงแต่งไม่หยุด พระพุทธเจ้าสอน การเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา ทรงเตือนแต่ไม่มีคนฟัง สิ่งไหนต้องทำก็ทำไป การปฏิบัติธรรมคือการทำหน้าที่ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น มีในใจตลอดเวลาว่าตัวเราคือความว่าง เราไม่มีตัวตนจริง มันเป็นเพียงธาตุ ทุกอย่างไม่เที่ยง มีแต่เสื่อม ที่สุดดับไม่มีตัวตนอยู่จริง เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ตอนนี้เหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน มันดับไปหมดแล้ว มีแต่ธาตุ มีแต่ความว่างจากตัวตน ไม่มีอะไรจริง เราคือความว่าง ออกจากสมมติ อยู่กับความจริงคือความว่าง ร่างกายจิตใจล้วนเป็นสังขารปรุงแต่ง จึงมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิด ที่ตั้งอยู่และดับไป ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ เห็นแก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดารึยัง

3. การอยู่อย่างสนุกสนานร่าเริงเป็นชีวิตของคนโง่ นักปฏิบัติจะรู้ว่าไม่มีสุข มีแต่ทุกข์ เดินตามพระ อยู่กับความว่าง มองโลกโดยความเป็นของว่าง วันหนึ่งต้องทิ้งทั้งหมด พิจารณาจนเกิดปัญญาเห็นความจริง วันไหนหลงเพลิดเพลิน วันนั้นผิดซะแล้ว ความเพลินคือกิเลส โดนกิเลสเล่นงานแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นของว่าง ไม่ให้ค่ากับหกทวาร ดับวิญญาณจึงเจอตัวตนที่แท้ มองอย่างไรให้ว่าง ต้องมีสติคอยเตือนคอยรักษาจิต หมั่นดูจิตให้เห็นแล้วปล่อยวางเพราะทุกสิ่งที่เข้ามาเป็นเพียงสังขารปรุงแต่ง คิดเองเออเอง ปล่อยวางให้หมด

4. หมดทั้งโลกมีแต่ของเกิดดับ มีแต่ของตายทั้งนั้น ความจริงการเกิดกับการดับมีราคาเท่ากัน ตราบใดยังไม่สิ้นกิเลสก็จะต้องเกิดและดับอยู่เท่ากัน หากถามว่าอะไรเกิดก่อนระหว่างการเกิดกับการดับเหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน คนชอบการเกิดแต่เกลียดการดับ ความจริงแล้วดับก่อนเกิด มีใครบ้างไม่ดับ ที่นั่งอยู่นี่มีแต่ดับทั้งนั้น ต้นไม้ภูเขา ทุกอย่างล้วนเป็นของดับทั้งหมด หากพิจารณาให้ดี หากพิจารณาไม่ดี จะไม่เห็น จะเห็นสุขและทุกข์ แต่ความจริงมีแต่ของเสื่อม หากเห็นมีแต่เสื่อมมีแต่ดับ จะไม่ประมาท เป็นอย่างนี้ทุกคน พิจารณาข้างนอกก่อนจะง่ายกว่า เช่นพิจารณาต้นไม้ งอก โต แก่ ดับ วงจรอย่างนั้น ต่อมาพิจารณาข้างใน เกิดดับเร็วกว่าต้นไม้มาก จิตเกิดดับเร็วมาก หากไม่ภาวนาจะไม่มีโอกาสเห็นความจริงนี้ อบรมจิตให้สงบก่อน เมื่อมีสมาธิแล้วจะเห็นความจริงแล้วรู้สึกสังเวชคือน้อมเข้าสู่ตัวคือเราก็จะเป็นอย่างนั้น ทุกคนเข้าใจว่าตนจะมีอายุยืน มีความสุข และแข็งแรง แต่ความจริงมันเสื่อมตลอดไม่มีอะไรมั่นคงถาวร ไปเห็นความแข็งแรงแทนความเสื่อม เวลาล่วงมานานไม่เห็นความจริง ความเกิด ดับ อยู่คู่กัน เกิดมาก็ต้องดับ เกิดปุ๊บเสื่อมปั๊บ เหมือนสะอาดกับสกปรกมาคู่กัน ยึดไม่ยึดอยู่คู่กัน จะเลือกอะไร ปรุงแต่งกับไม่ปรุงแต่ง โลกมีแต่ของเกิดของตาย ที่สุดมีแต่ของตาย ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดับหายไป มีอะไรบ้างไม่หายไปเอง มีแต่หายไป ดับไป หายไป ดับไป ต่อมน้ำกับน้ำนิ่ง ความเคลื่อนไหวและความไม่เคลื่อนไหว พิจารณาความตายบ่อยๆเพราะความจริงต้องตายทุกคน พิจารณาให้เห็นความเป็นจริง

ใจคือน้ำ จิตคือคลื่น ฟอง มาเป็นระลอก ใจจะนิ่งเฉยเหมือนน้ำที่สงบ จิตที่ปรุงแต่งเหมือนคลื่นหรือฟองมาทีหลัง วันๆควรอยู่กับใจที่สงบนิ่ง ไม่อยู่กับจิตที่เป็นคลื่นเป็นฟอง ไม่วุ่นวายคือเข้าหาใจเป็นน้ำที่นิ่ง ฝึกอยู่กับความนิ่งท่ามกลางโลกที่มีแต่ความปรุงแต่ง ความวุ่นวาย

สาธุ